โรคเกี่ยวกับดวงตา ภัยร้ายทำลายสายตาคุณ

ดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้ว เพราะดวงตาสามารถสื่อให้รู้ถึงความรู้สึกบางอย่างได้ นอกจากนี้ยังทำให้เรามองเห็นภาพต่างๆ และเพิ่มความจำให้เราได้ ดังสำนวนที่ว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนั่นเอง เพราะดวงตาของเรามีคู่เดียว เราจึงต้องดูแลรักษาดวงตาของเราให้ดี และวันนี้เราจะมาพูดถึงโรคเกี่ยวกับดวงตาที่ส่งผลต่อ
หน้าที่ของดวงตา

ดวงตามีหน้าที่หลัก ดังนี้ ดวงตาเปลี่ยนแสงเป็นคลื่นไฟฟ้าแล้วส่งไปยังสมอง และสมองจะแปลผลเป็นภาพ และกล้ามเนื้อของดวงตา 6 มัดยังทำหน้าที่หมุนลูกตาทั้ง4 มัดให้มองขึ้นลงและไปทางซ้ายขวา ส่วน 2 มัดที่เหลือ เพื่อปรับสมดุลของดวงตาเมื่อคุณขยับศีรษะ และในทุกครั้งที่คุณกะพริบตาเปลือกตาบนจะทำหน้าที่เปิดปิดตา ส่วนน้ำตานั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำความสะอาดดวงตา กระดูกเบ้าตาช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับลูกตา ส่วนขนตาและเปลือกตานั้นจะป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าตา ส่วนขนคิ้วนั้นจะช่วยป้องกันเหงื่อที่ออกจากหน้าผากไม่ให้ไหลเข้าดวงตา
ปัญหาของดวงตามีอะไรบ้าง
ปัญหาของดวงตาที่พบบ่อย คือ สายตาสั่น-ยาว ตาเข ตาเอียง แบบนี้อาจแก้ได้ด้วยการตัดแว่นเพื่อปรับโฟกัสของตาให้เข้าอยู่ในภาวะปกติได้ แต่ถ้าเป็นตาแดงตากุ้งยิงต้อเนื้อ ต้อลมต้อกระจก อันนี้อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อดูความรุนแรงของโรคและวินิจฉัยกันต่อไปว่าควรจะรักษาอย่างไรดี และเพราะว่าดวงตาอยู่ใกล้กับสมองมากและยังมีเส้นประสาทและหลอดเลือดเชื่อมต่อกับสมองโดยตรง ทำให้ต้องรีบตรวจรักษาโดยทันที เพราะอาจเป็นโรคร้ายแรงได้
โรคเกี่ยวกับดวงตาที่คุณควรรู้
อาการหนังตาตก โรคนี้จะสังเกตเห็นได้ง่าย เพราะว่าหนังตาจะตกลงเกือบปิดตาดำและมีช่องว่างระหว่างเปลือกตาบนและเปลือกตาล่างแคบกว่าปกติ ซึ่งจะยิ่งสังเกตได้ง่ายเมื่อกลอกตามองบนเพดาน โดยโรคที่อาจทำให้เกิดอาการหนังตาตก เช่น
-โรคหลอดเลือดในสมองโป่งพอง มักพบในผู้ใหญ่ที่มีโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว เมื่อหลอดเลือดโป่งพองขึ้นจะไปกดเส้นประสาทตาคู่ที่สามจึงทำให้หนังตาตกร่วมกับกลอกตาผิดปกติ และมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดตัวนี้ให้พยายามพบหมอและทำตาคำแนะนำ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคนี้
– โรคหลอดเลือดสมองตีบ ผู้ป่วยจะเป็นแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยวพูดไม่ชัด ถ้าเกิดการอุดตันที่หลอดเลือดบริเวณก้านสมองจะทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมการกลอกตาขาดเลือด ส่งผลให้หนังตาตกได้ เป็นต้น
อาการตาแดง บางคนอาจมองว่าไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ต้องบอกเลยว่า อาการนี้อาจนำไปสู้โรคหลอดเลือดตาและหลอดเลือดในสมองที่อาจเชื่อมต่อกันแบบผิดปกติ
-เมื่อศีรษะของคุณได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนหรือว่ากระดูกใบหน้าร้าว หลังจากนั้น 1 เดือนอาจมีอาการตาแดง ตาโปนและมีเสียงฟู่ตรงหน้าผากตามจังหวะการเต้นของหัวใจ อาจเป็นเพราะว่าหลอดเลือดแดงใหญ่ที่อยู่บริเวณฐานกะโหลกศีรษะฉีกขาดหรือมีบาดแผลเพราะฉะนั้นต้องรีบไปบนแพทย์ด่วน เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้ความดันในลูกตาสูงจนเป็นต้อหินได้
-ตาแดง ปวดศีรษะ ชัก ความจำแย่ลง เกิดจากหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงบริเวณเยื่อหุ้มสมองเชื่อมต่อกันอย่างผิดปกติ พบบ่อยในผู้ใหญ่ที่เคยมีประวัติผ่าตัดสมองหรือหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน ลูกตาทำให้ตาแดง ซึ่งถ้าปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในสมองหากเป็นนานๆ ทำให้มีอาการชัก ความจำเสื่อม สมองฝ่อได้
ลานสายตาแคบ คือความกว้างของภาพที่มองเห็น และหากสมองซีกซ้ายขวาที่ควบคุมลานสายตาสลับด้านกันอยู่เกิดความผิดปกติอาจทำให้การมองเห็นแคบลง มองเห็นแค่ครึ่งเดียว ทำให้เกิดความลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และสาเหตุจากโรคลานสายตาแคบก็มาจากหลอดเลือดในสมองตีบ เนื้องอกในสมองเป็นต้น
การมองเห็นหายไปชั่วคราว เกิดจากเส้นประสาทตาสูญเสียการทำงานหรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาผิดปกติ โดยจะขอยกตัวอย่างสักสาเหตุนั่นคือ เส้นประสาทตาอักเสบ จะสัมพันธ์กับโรคภูมิคุ้มกันตัวเองบกพร่องและมักเกิดในผู้หญิง ส่วนใหญ่จะเป็นข้างเดียว อาจปวดศีรษะขึ้นมาและก็เริ่มเห็นสีผิดปกติตามมาด้วยตามองไม่เห็น ความรุนแรงมีตั้งแต่เป็นน้อยแล้วค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติหรืออาจสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร เพราะฉะนั้นหากเกิดความผิดปกติในเรื่องของดวงตา หรือว่าตัวเองเป็นโรคภูมิคุ้มกันตนเองบกพร่องอยู่ก็ยิ่งต้องระวัง
ทั้งหมดนี้คือ โรคเกี่ยวกับดวงตาที่มักเกิดจากโรคที่เป็นอยู่ก่อนหน้าแล้ว เพราะฉะนั้นหากคุณไม่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคพวกนี้ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป และที่สำคัญคุณควรดูแลดวงตาของคุณอย่างสม่ำเสมอด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่บำรุงสายตา อย่าง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว อัลมอนด์ ปลาที่มีไขมันสูง เป็นต้น และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อรักษาสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง หรือคนทีมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางสายตาเหล่านี้ก็ควรต้องดูแลตัวเองมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว เพราะถ้าเป็นโรคเหล่านี้แล้วก็จะมีโอกาสเป็นอยู่เรื่อยนั่นเอง